(17 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายธนู ทองสม อายุ 56 ปี ประธานเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนวิเชียรมาตุ จ.ตรัง ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตน พร้อมสมาชิกเพื่อนๆ ได้ร่วมกันบริจาคเงิน จำนวน 15,000 บาท ให้กับครอบครัว ด.ญ.ไก่ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี

เพื่อนำไปมอบกับโรงเรียนของรัฐ ระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครตรัง ที่ทางครอบครัว ด.ญ.ไก่ ติดค้างโรงเรียน โดยที่เด็กเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษานี้ แต่ทางโรงเรียนไม่มอบหลักฐานใบระเบียนแสดงผลการเรียน ( ปพ.1) ให้

นายธนู กล่าวว่า หลังจากที่ ด.ญ ไก่ เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนแห่งนี้ ได้เกรดเฉลี่ย 3.96 ต่อมาสมัครสอบเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที 1 โรงเรียนวิเชียรมาตุ จังหวัดตรัง และสอบได้ห้องวิทยาศาสตร์โอลิมปิค

ปรากฏว่าในวันมอบตัว มารดา ด.ญ.ไก่ เดินทางมามอบตัว แต่ทางโรงเรียนไม่สามารถรับมอบตัวไว้ได้ โดยมีเหตุผลว่า เด็กขาดหลักฐานใบระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น เด็กถึงกับนั่งร้องไห้โฮอยู่บริเวณบันได หน้าห้องวิชาการ ส่วนมารดาของน้องไก่ถึงกับอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก

"วันนั้นผมมา ทำธุระที่โรงเรียนวิเชียรมาตุ ในฐานะประธานเครือข่ายผู้ปกครอง เห็นน้องไก่ นั่งร้องไห้ จึงเข้าไปสอบถาม ทราบว่าทางโรงเรียนไม่รับมอบตัว และพร้อมที่เรียกนักเรียนบัญชีสำรองขึ้นแทน

ผมได้สอบถามลูกชาย ทราบว่า น้องไก่ เรียนอยู่ห้องเดียวกัน เรียนเก่งคู่กับลูกชายตนมาโดยตลอด ส่วนน้องไก่สอบเข้าโรงเรียนวิเชียรมาตุ ห้องวิทยาศาสตร์โอลิมปิคได้ น้องเป็นเด็กขยัน เรียนดี และยังเป็นตัวแทนนักเรียนเข้าแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมภาคใต้ จนได้รางวัลมาแล้ว" นายธนู กล่าว

นายธนู กล่าวให้ฟังว่า ครอบครัวของน้องไก่มีฐานะยากจน พ่อเลิก กับแม่ น้องอาศัยอยู่กับแม่และยาย โดยแม่มีอาชีพขายเสื้อผ้าในตลาด เทศบาลนครตรัง เมื่อเป็นเช่นตนได้เข้าพบ นายมนทิพย์ ทรงกิตติพิศาล ผู้อำนวยการโรงเรียนวิเชียรมาตุ เพื่อขอผ่อนผันกับน้องไก่ อีกอย่างวันนั้นตรงกับวันศุกร์อีกด้วย

เมื่อสอบถามทางมารดาน้อง ทราบว่า ค้างค่าธรรมเนียมกับโรงเรียนเดิม จำนวน 15,000 บาท ตนจึงตัดสินใจขอบริจาคเงินจากพรรคพวกเพื่อนฝูง จำนวน 5,000 บาท และตนออกเงินเอง 10,000 บาท นำไปจ่ายให้กับทางโรงเรียนที่น้องเรียน ที่สุดก็ได้ใบระเบียบแสดงผลการเรียน มอบตัวเข้าเรียนโรงเรียนวิเชียรมาตุได้ ซึงขณะนี้โรงเรียนก็เปิดเรียนมาแล้วประมาณ 1 อาทิตย์

"ผมไม่อยากจะวิจารณ์โรงเรียน โดยเฉพาะเป็นโรงเรียนรัฐบาล ที่มีนโยบายให้นักเรียนเรียนอย่างมีความสุข และจะต้องผ่านการเรียนภาคบังคับถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผมเพียงอยากให้น้องไก่ ได้เรียนต่อ เนื่องจากที่ผ่านมาผมก็ดูแลลูกของผมได้รับการเรียนอย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้คงเป็นอุทาหรณ์ สำหรับวงการศึกษาไทย ที่เกิดความตกต่ำอย่างมาก" นายธนู กล่าว

ขณะที่ นายมนทิพย์ ทรงกิตติพิศาล ผู้อำนวยการโรงเรียนวิเชียรมาตุ จ.ตรัง กล่าวว่า สำหรับ ด.ญ.ไก่ วันดังกล่าวขณะที่ตนกำลังนั่งทำงานอยู่ นักการภารโรงของโรงเรียนได้พาคุณแม่มาบอกว่าขอผ่อนผันในการชำระเงินในวันมอบ ตัว ซึ่งมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่ทางโรงเรียนระดมทรัพยากรอยู่ เช่นค่าเข้าค่ายวิชาการ

ตนก็บอกว่าทางโรงเรียนจะผ่อนผันให้ โดยให้เขียนในใบผ่อนผัน เพื่อใช้ประกอบในการมอบตัว ถ้าไม่มีเงินก็จะมอบตัวไม่ได้ในวันนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า ทาง คุณแม่ ด.ญ.ไก่ ไปค้างชำระเงินของโรงเรียนเดิม

ทางโรงเรียนเดิมจึงไม่สามารถออกใบ ปพ. 1 ให้ได้ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการมอบตัว ทางโรงเรียนจึงไม่รับมอบตัว เพราะไม่มั่นใจว่าเด็กจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จริงหรือไม่ เมือเป็นเช่นนั้น ด.ญ.ไก่ มานั่งร้องไห้บริเวณบันได หน้าห้องวิชาการ

นายมนทิพย์ กล่าวอีกว่า บังเอิญในวันนั้น คุณธนู ทองสม ซึ่งเป็นประธานเครือข่ายผู้ปกครองมาเจอเข้า โดยที่ ด.ญ.ไก่ เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับลูกคุณธนู จึงเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ทราบว่าคุณธนู สละเงินจำนวน 10,000 บาท

พร้อมขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ อีก 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 15,000 บาท นำไปจ่ายให้กับโรงเรียนที่ ด.ญ.ไก่ เรียน ที่สุดก็ได้ใบ ปพ.1 จากโรงเรียนเดิมมา โดยทางโรงเรียนยืดเวลาการมอบตัวให้กับเด็ก และตอนนี้ก็ได้เข้าเรียนตามปกติแล้ว

" สำหรับเด็กหญิงไก่ เป็นเด็กที่เรียนเก่ง เกรดเฉลี่ย ป.6 ได้ 3.96 และสอบเข้าเรียน ม.1 ของโรงเรียนเป็นห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์โอลิมปิค เป็นเด็กดีมีความรับผิดชอบสูง มีอัธยาศัยที่ดี แต่ทางบ้านมีฐานะยากจน

เมื่อเข้าสู่ระบบโรงเรียน ทางโรงเรียนก็สามารถจัดหาทุนการศึกษาช่วยเหลือได้เต็มที่ โดยโรงเรียนมีเครือข่ายผู้ปกครองและชมรมศิษย์เก่าที่เข้มแข็ง และคิดว่าเด็กจะเรียนหนังสือได้อย่างมีความสุข" ผอ.โรงเรียนวิเชียรมาตุตรัง กล่าว

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับ ด.ญ.ไก่ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ทางโรงเรียนของรัฐที่เด็กเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 กระทำไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นโรงเรียนรัฐบาล ที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนได้รับการศึกษาจนจบภาคบังคับ

แต่ทำไมทางโรงเรียนจึงเอาเงินมาเป็นปัจจัยหลัก และเหตุผลสำคัญไม่มอบใบ ปพ.1 ให้กับเด็ก ทั้งๆ ที่เด็กเรียนจบหลักสูตร และเป็นเด็กเรียนเก่ง มีนิสัยดี และยังเป็นตัวแทนนักเรียน เข้าแข่งขันทำชื่อเสียงให้กับทางโรงเรียนมาอีกด้วย



ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : siamupdate.com